ประวัติ หวยในประเทศไทย
หวยในประเทศไทย
ต้นกำเนิดที่มีการเล่นหวยเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2375 ในรัชกาลที่ 3 พบในกลุ่มชาวจีน เรียกว่า ฮวยหวย ที่มีความหมายว่า ชุมนุมดอกไม้ และต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้น โดยใช้แผ่นป้ายจำนวน 34 ป้าย จากนั้นให้เขียนชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียง และนำมาทาย ถ้าหากทายถูกก็จะได้รับเงินรางวัล 30 ต่อหนึ่ง จากนั้นหวยเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเรียกว่า หวย ก ข และกลายเป็นที่ยิยมเล่นกันมาก จนกลายเป็นรายได้สำคัญของรัฐ จนถึงช่วงรัชกาลที่ 5 ได้ทรงมีพระราชดำริ ให้ยกเลิกอากรบ่อนเบี้ย ต่อมาในรัชกาลที่ 6 มีการยกเลิกอากรหวยตามมา ซึ่งในช่วงของรัชกาลที่ 5 นั้นเป็นครั้งแรกที่มีการออกล็อตเตอรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อหารายได้บำรุงสาธารณกุศลและในปี พ.ศ. 2475 ได้ให้ออกลอตเตอรี่อย่างเป็นทางการ ต่อมาในปีพ.ศ.2482 ได้มีการจัดตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้นมา และเปลี่ยนวิธีการเล่นหวยก ข มาเป็นออกหวยโดยใช้เลขท้ายของล็อตเตอรี่แทน
สลากกินแบ่งรัฐบาล
สลากกินแบ่งรัฐบาล หมายถึง ล็อตเตอรี ซึ่งผู้ที่ต้องการขายนั้นต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะมีการให้ออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลในวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน ยกเว้นงวดวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ และงวดวันที่ 1 พฤษภาคม เนื่องจากเป็นวันแรงงานแห่งชาตินั่นเอง และในปัจจุบันมีการจัดพิมพ์และให้จำหน่ายสลาก 50 ชุดขึ้นไป 01-50 เป็นสลากธรรมดาและ 51-100 เป็นสลากการกุศล นิยมขายเป็นคู่นั่นคือ 1 ใบจะมี 2 ชุด ที่เรียกกันทั่วไปว่าหวยบนดิน ซึ่งในการออกรางวัล จะมีการออกรางวัลเป็นสลากเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัว นอกจากนี้ในการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ตัวตรง, 3 ตัวโต๊ด, 2 ตัวบน, 2 ตัวล่าง เมื่อท่านซื้อสลากกินแบ่งรัฐลบาล ท่านถูกตัวใดตัวหนึ่งในล็อตเตอรี ท่านก็จะได้เงินรางวัลตามที่ได้ถูกกำหนดไว้ ซึ่งจะมีเงินรางวัลที่แตกต่างกันออกไป แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก ในปีพ.ศ.2549 หลังจากเกิดรัฐประหาร ได้มีการสั่งยกเลิกหวยบนดิน ด้วยรัฐบาลของ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์
เมื่อรู้จักหวยบนดินแล้ว มารู้จักหวยใต้ดินกันบ้าง เชื่อว่าหลายท่านคงรู้จักกันเป็นอย่างดี หวยใต้ดิน เป็นการตั้งขึ้นกันเองภายในชุมชน โดยเขียนตัวเลขที่ใช้ในการเล่นหวย 2-3 ตัว ในกระดาษที่เรียกกันทั่วไปว่าโพย โดยระบุ ตัวเลขที่ต้องการซื้อ พร้อมราคา สามารถซื้อหวยใต้ดินได้กับคนเดินโพยหรือเจ้ามือหวยได้โดยตรง โดยการออกรางวัลจะยึดเลขท้ายของสลากกินแบ่งรัฐบาล หากถูกรางวัลเจ้ามือหวยก็จะเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมดที่ท่านจะได้รับ เงินรางวัลนั้นก็จะขึ้นอยู่กับอัตราการจ่ายของเจ้ามือ ซึ่งจะมีการแจ้งให้ทราบกันก่อนล่วงหน้าแล้ว ในทางตรงกันข้าม หากท่านซื้อหวยใต้ดินเจ้ามือก็จะได้เงินที่ท่านนำไปซื้อหวยทั้งหมดทันที การซื้อหวยใต้ดิน ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรซื้อล็อตเตอรีกันดีกว่า อีกทั้งยังสามารถลุ้นได้หลายรางวัลอีกด้วย
ต่อมาในปี 2558 เมื่องวดประจำวันที่ 1 กันยายน 2558 ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มีการปรับแปลงเงินรางวัล โดยการเพิ่มเงินรางวัลที่ 1 จาก 2 ล้านเป็น 3 ล้านบาท และเพิ่มรางวัลเลขหน้า 3 ตัวเข้ามา 2 รางวัล และลดรางวัลเลขท้าย 3 ตัวไป 2 รางวัลเช่นเดียวกัน สามารถดูตารางรางวัลและเงินรางวัลล่าสุดได้จากด้านล่างนี้
จำนวนรางวัลมีดังนี้ (อัพเดทล่าสุด ใช้ตั้งแต่งวดที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป)
สลากกินแบ่งใน 1 ชุด จะมีจำนวน 1 ล้านฉบับ ราคาฉบับละ 80 บาท ถ้าจำหน่ายหมด กำหนดเงินรางวัลต่อชุด ดังนี้
รางวัลที่ | มีจำนวน | รางวัลละ |
รางวัลที่ 1 | 1 รางวัล | 6,000,000 บาท |
เลขท้าย 2 ตัว | 1 รางวัล | 2,000 บาท |
เลขท้าย 3 ตัว | 2 รางวัล | 4,000 บาท |
เลขหน้า 3 ตัว | 2 รางวัล | 4,000 บาท |
รางวัลที่ 2 | 5 รางวัล | 200,000 บาท |
รางวัลที่ 3 | 10 รางวัล | 80,000 บาท |
รางวัลที่ 4 | 50 รางวัล | 40,000 บาท |
รางวัลที่ 5 | 100 รางวัล | 20,000 บาท |
ใบตรวจหวยฉบับมาตรฐาน
ใบตรวจหวยฉบับมาตรฐานนั้น ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะเป็นผู้เผยแพร่ โดยจะสามารถดาวน์โหลดได้หลังจากสลากกินแบ่งได้ทำการออกในงวดนั้นๆ แล้วประมาณ 30 ถึง 1 ชั่วโมงด้วยกัน
ผู้ใช้สามารถติดตามใบตรวจหวยได้ที่นี่
ตัวอย่างใบสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบัน
ปล. ทางเราสนับสนุนการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น
ความคิดเห็น
รายละเอียด
มีเรื่องรบกวนสอบถามเป็นเกร็ดความรู้สักหน่อยนะครับ
อยากทราบว่า ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (สนามบินน้ำ) ในบริเวณรอบ ๆ กองสลากฯ
มีรูปปั้นยักษ์ ทั้งหมดกี่ตัว ?
จะขอบพระคุณยิ่งสำหรับคำตอบ
ความคิดเห็น
รายละเอียด
โอ้ว ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีกี่ตัวครับ
เดี๋ยวถูกรางวัลที่ 1 จะไปนับมาบอกนะครับผม อิอิ